
ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ประเทศไทยได้บังคับใช้พระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ.2562 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษี และกระตุ้นให้เจ้าของที่ดินนำที่ดินไปใช้ประโยชน์
หลักการสำคัญคือ เจ้าของที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างจะต้องเสียภาษีตามมูลค่าและการใช้ประโยชน์ โดยอัตราภาษีแตกต่างกันตามประเภท ดังนี้:
– ที่ดินเพื่อเกษตรกรรม: อัตราต่ำสุด เพื่อสนับสนุนเกษตรกร
– ที่ดินเพื่ออยู่อาศัย: อัตราปานกลาง โดยมีการยกเว้นบางส่วนสำหรับบ้านหลังแรก
– ที่ดินเพื่อพาณิชยกรรม: อัตราสูง เนื่องจากมีรายได้จากการใช้ประโยชน์
– ที่ดินรกร้างว่างเปล่า: อัตราสูงสุด และจะเพิ่มขึ้นทุก 3 ปีเพื่อจูงใจให้ใช้ประโยชน์
ตัวอย่างเช่น เจ้าของที่ดินแปลงหนึ่งในเมืองที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ อาจต้องเสียภาษีในอัตราสูงมาก หากปล่อยทิ้งไว้นานเกิน 3 ปี ภาษีจะยิ่งเพิ่มขึ้น ทำให้เจ้าของที่ดินจำนวนมากนำที่ดินออกขายหรือนำไปพัฒนา
ผู้ถือครองที่ดินควรตรวจสอบการประเมินค่าที่ดินประจำปีจากองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น และวางแผนการใช้ประโยชน์ให้เหมาะสม เพื่อลดภาระภาษีและหลีกเลี่ยงค่าปรับจากการชำระล่าช้า